สาเหตุของกลิ่นปาก บางคนอาจสงสัยว่าทำไมยังมีกลิ่นปากทั้งที่ดูแลอย่างดีแล้ว ทั้งแปรงฟันทุกครั้งหลังอาหาร ใช้น้ำยาบ้วนปาก ถึงขั้นใช้สเปรย์ดับกลิ่นปาก ก็ยังมีกลิ่นปากอยู่ บางทีคุณอาจจะมีอะไรลึกลับซ่อนอยู่ก็เป็นได้ นั่นก็คือ…tonsil stone หรือ นิ่วทอนซิล นั่นเอง!!

tonsil-stone

ลักษณะของ tonsil stone คือ ก้อนเล็กๆ มีสีขาวหรือสีขาวปนเหลือง มีกลิ่นเหม็น เจ้าตัวนี้แหละเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของกลิ่นปาก เพราะมีกลิ่นเหม็นอย่างร้ายกาจ มีเรื่องขำๆ เกี่ยวกับนิ่วทอนซิลมาเล่าให้ฟัง มีคนเล่าว่า เหม็นขนาดที่เอามาแกล้งคนที่นอนหลับอยู่ยังต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความเหม็น ใครที่กำลังกลุ้มใจเรื่องกลิ่นปาก พยายามหาวิธีกำจัดกลิ่นปากยังไงก็ยังไม่สำเร็จ ต้องสำรวจตัวเองด่วนเลย ว่ามีนิ่วทอนซิลซ่อนอยู่รึเปล่า?

tonsil stone คือ อะไร? ต่อมทอนซิลจะอยู่บริเวณใกล้โคนลิ้น โดยปกติแล้วต่อมทอนซิลของเราจะมีซอกหลืบอยู่ ซึ่งในบางคนเมื่อทานอาหารเข้าไป เศษอาหารหลุดเข้าไปในสะสมในซอกนั้นลักษณะคล้ายๆ ขี้ฟัน เมื่อสะสมมากขึ้นๆ บวกกับแบคทีเรียในช่องปาก นานวันเข้าก็กลายเป็นก้อนนิ่วทอนซิลที่มีกลิ่นเหม็น มีลักษณะเป็นก้อนสีขาว หรือสีขาวปนเหลือง ผิวขรุขระ มีตั้งแต่ขนาดเล็กๆ ไปจนถึงขนาดใหญ่ถึง 2-3 เซนติเมตร วันดีคืนดีถ้าเราไอแรงๆ นิ่วทอนซิลจะหลุดออกมาด้วย (อย่าเผลอไปดมเข้าเชียวเกิดสลบขึ้นมาอย่าหาว่าไม่เตือน)

วิธีกำจัด tonsil stone

โดยเฉพาะคนที่ต่อมทอนซิลอักเสบบ่อยๆ มักจะมีปัญหานี้ เพราะนอกจากไวรัสและแบคทีเรียแล้ว นิ่วทอนซิลขนาดใหญ่ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ต่อมทอนซิลอักเสบ วิธีกำจัดเบื้องต้น ถ้าไม่เป็นเยอะสามารถเอาออกเองได้ โดย

  1. ล้างมือให้สะอาด
  2. กลั้วคอด้วยน้ำเกลือ
  3. ใช้ cotton bud ที่สะอาด ค่อยๆ กดแล้วเขี่ยออกอย่างเบามือ (ห้ามใช้ของแข็งหรือของมีคม)
  4. แปลงฟันและลิ้นให้สะอาด
  5. กลั้วคอด้วยน้ำเกลืออีกครั้ง

แต่ถ้าเป็นเยอะหรือไม่แน่ใจในความปลอดภัย ทางที่ดีที่สุดให้คุณหมอเอาออกให้ดีกว่า

วิธีป้องกัน คือ แปรงฟันและลิ้นให้สะอาด และที่สำคัญคือกลั้วคอทุกครั้งหลังแปรงฟัน ถ้าเป็นน้ำเกลือจะดีมาก ส่วนในรายที่มีต่อมทอนซิลอักเสบเรื้อรังร่วมด้วย หรือมีภาวะต่อมทอนซิลโตและจำเป็นเท่านั้นจึงสามารถผ่าตัดต่อมทอนซิลออกได้

ทอนซิลอักเสบ เป็นภัยเล็กๆ ที่ส่งผลต่อเรามากจริงๆ แต่ถ้าปล่อยไว้นานๆ อาจจะเกิดอาการบานปลายไปกว่านี้ได้ ดังนั้น หากคิดว่าเจอปัญหาแบบนี้ หรือตรงสัก 70-80% แล้วล่ะก็ อย่าปล่อยทิ้งไว้นานครับ ควรป้องกันก่อนที่จะต้องให้ส่งผลเสียมากมายไปกว่านี้

ข้อมูลจาก facebook (จำไม่ได้ว่าท่านไหนแชร์ 55+)

Comments