สำหรับน้องๆ พี่ๆ หรือเพื่อนๆ ที่อยากจะเริ่มต้นทำธุรกิจด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นงานประเภทรับเขียนโปรแกรม รับเขียนเว็บไซต์ รับถ่ายรูป รับตัดต่อ หรือบริการอะไรก็แล้วแต่นั้น ผมอยากให้บทความนี้ ช่วยในการตัดสินใจและทำความเข้าใจระหว่างผู้จ้าง และผู้ถูกว่าจ้าง ว่างานแต่ละชิ้นนั้น ควรค่ากับค่าใช้จ่ายและค่าแรงที่เสียไปหรือไม่ รวมไปถึงความเหมาะสมในการคิดราคาและการกำหนดราคาค่าจ้างด้วยครับ

Web

การประเมินราคาค่าจ้างของ Freelance

ขอยกตัวอย่างจริงกับตัวของผมเองนะครับ โดยผมเป็นโปรแกรมเมอร์ Web Programming โดยผมจะคิดราคาค่าจ้างงานดังนี้

  1. สิ่งแรกที่ผมต้องทราบก่อนเมื่อมีคนมาจ้างงาน คือ ขอบเขตที่เค้าต้องการ ระยะเวลาในการทำงาน และค่าจ้างโดยประมาณ ทั้ง 3 อย่างนี้มันจะแปรผันตามกันครับ
  2. การคิดราคาค่าจ้างนั้น ไม่ควรคิดแค่ค่าจ้างในการทำ พองานเสร็จแล้วจบๆ ไป อันนี้ไม่ควรอย่างยิ่ง เราเป็นผู้พัฒนาโปรแกรมหรือระบบ ถึงอย่างไร เราก็ต้องนึกถึงตอนแก้ไขหรือให้คำปรึกษา ให้บริการหลังการขายด้วยครับ ดังนั้น การคิดราคาเผื่อไว้สำหรับการให้บริการหลังการขาย จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง (ไม่ใช่ให้ชาร์จในส่วนนี้ แล้วนั่งกินนอนกินนะครับ) ในมุมมองของผู้จ้าง คงคิดว่าเราเอาเปรียบใช่มั๊ยล่ะครับ แต่ไม่ใช่เลย งานแต่ละชิ้นที่ทำขึ้นมานั้น ไม่ได้ง่าย ไม่ใช่แก้นู้นปรับนี่แปปเดียวเสร็จ การแก้ไขก็เหมือนกัน การคิดราคาในส่วนนี้ ส่วนใหญ่ผมถือเป็นน้ำใจจ้างผู้ว่าจ้างครับ
  3. คุยงานให้เคลียร์ ถามขอบเขตงานให้กระจ่าง เมื่อโอเคแล้ว ส่งใบเสนอราคา และสัญญาการทำงานต่างๆ (ควรจะมี) ให้ผู้ว่าจ้างตรวจสอบ ในข้อนี้สำคัญมาก หากโอเคทั้งสองฝ่าย ควรคิดเงินมัดจำก่อน เพื่อความสบายใจในการเริ่มงานครับ
  4. การคิดราคากับระยะเวลาในการทำงานของเรา หากเราเป็น Freelance แล้วล่ะก็ การคิดราคายิ่งต้องละเอียดรอบคอบ โดยส่วนตัว ผมคิดเป็นชั่วโมงในการทำงาน อย่างงี้ครับ : ผมประเมินงาน -> ประเมินความสามารถของตัวเอง -> แล้วคิดคร่าวๆ ว่างานชิ้นนี้ใช้เวลาทำเท่าไร (หน่วยเป็นชั่วโมง จะคิดชั่วโมงละเท่าไร ก็แล้วแต่ประสบการณ์ + ความสามารถ) โดยประมาณแล้ว ใน 1 วัน ผมทำงานระมาณ 5-6 ชั่วโมงในการเขียนโปรแกรม
  5. งานจะถูกหรือจะแพง ไม่ควรเอางานอื่นมาเปรียบเทียบครับ เพราะงานแต่ละชิ้นขอบเขตและความต้องการไม่เหมือนกัน
  6. หากคุยรายละเอียดคร่าวๆ แล้วผู้ว่าจ้างบอก งานไม่มีอะไรเลย มีนั่น มีนู้น นิดเดียว ให้เตรียมใจไว้ก่อนเลย มีแน่ๆ
  7. หากเรามีความคิดที่ไม่พอใจผู้ว่าจ้างแล้ว ไม่ควรรับงานนี้ จะเสียทั้งงาน จะเสียทั้งลูกค้าครับ
  8. การบอกบริการของเราและสิ่งที่ลูกค้าจะได้จากเราเมื่องานเสร็จแล้วอย่างชัดเจน จะช่วยให้ลูกค้ามีความกระจ่างและตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ
  9. ถ้ามีความคิดว่างานนี้ขาดทุนแน่ๆ ก็อย่ารับเลย เดี๋ยวก็มีปัญหาแน่นอน

สุดท้ายนี้ ขอฝากไว้กับการประเมินราคานะครับ โดยส่วนตัวอยากให้คิดว่า จะถูกหรือจะแพง มันอยู่ที่คุณภาพของงานและการบริการหลังการขายครับ หากงานไม่ดี บริการหลังการขายแย่ หรือ  หากงานดี บริการหลังการขายก็แย่ ก็ไม่ไหว แต่หากงานเราออกมาดี แล้วยังให้บริการที่ดีอีก ผมว่า ต่อให้ของเราแพงกว่าเจ้าอื่น ลูกค้าก็คงยอมใช้บริการเราแน่นอนครับ

บทความโดย TsupamaN

Comments