เรื่องที่จะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงจากเพื่อนสนิท คนใกล้ตัวของผมเอง : ตั้งแต่เด็ก จนมาถึงปัจจุบัน อายุก็เลข 3 กันแล้ว เพื่อนผมคนนี้เริ่มสูบบุหรี่มาตั้งแต่ ม.3 แต่ตอนนั้น ยังแอบๆที่บ้าน กับในโรงเรียน ไม่รู้ว่าเป็นกระแสหรือความเท่หรืออะไร ที่ทำให้เด็กผู้ชายเริ่มสูบบุหรี่กัน ถึงแม้จะสนิทกัน แต่เพื่อนคนนี้ ก็ไม่เคยยื่นบุหรี่ให้ผมลองเลย

เวลาผ่านไป จาก ม.ต้น ไปจน ม.ปลาย ความถี่ของการสูบบุหรี่เริ่มมากขึ้น และมากขึ้นเป็นทวีคูณเมื่อตอนเรียนมหาวิทยาลัย  จะเห็นได้ชัดเมื่อเวลามันมีปาร์ตี้ มีสุราของมึนเมามากมาย ดื่มกินกันไป สูบบุหรี่ไป เผลอแปปเดียว ไม่ถึง 3 ชั่วโมง บุหรี่หมดไป 2 ซอง ดูดกันสองคนกับเพื่อนอีกคนนึง ผมก็เตือนมันมาโดยตลอดว่า หลังๆ มันเริ่มจะสูบเยอะเกินไปแล้ว แต่คงห้ามอะไรไม่ได้มาก ได้แค่เตือนด้วยความหวังดี ทั้งผมที่เป็นเพื่อนสนิท ทั้งพ่อแม่ที่มารู้ว่าสูบบุหรี่ ทั้งแฟน ต่างขอให้ลดหรือเลิกสูบบุหรี่ แต่ไม่มีใครสามารถทำให้มันฟังได้เลย จนอายุเข้าสู่ช่วงปลายเลข 2 แล้ว

ชีวิตพวกเราเริ่มเปลี่ยนไป เริ่มมีครอบครัว และสิ่งที่ได้ยินจากปากของมันเองว่า มันจะเลิกบุหรี่ ซึ่งเพื่อนผมคนนี้เป็นคนพูดขึ้นมาเอง คงทำได้แน่นอน เพราะว่ามันมีเจ้าตัวน้อย ที่กำลังจะลืมตามาดูโลกในอีกไม่กี่เดือนนี้แล้ว มันบอกกับผมว่า มันไม่อยากให้ลูก ที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรมารับควัน รับสิ่งไม่ดี จากบุหรี่ที่มันสูบ หากรอให้มันเกิดมาก่อน กว่าตัวมันจะเลิกได้ ลูกมันคงได้รับควันบุหรี่เข้าไปมากแล้ว เลยตัดสินใจเลิกมันซะตอนนี้เลย

แปลกนะครับ สำหรับบางคนที่คิดได้ เพราะมีแรงจูงใจจากสิ่งที่เรารัก สิ่งที่เราเชื่อมั่น ต่อให้มีใครมาบอก มาแนะนำ มาบังคับ แต่ถ้าใจเราไม่รับฟัง หรือคิดได้เอง คำพูดเหล่านั้นก็เป็นเหมือนลมทวนหู

พ่อแม่รักลูกไม่อยากให้ลูกสูบบุหรี่หรอกครับ แต่ลูกส่วนใหญ่ไม่ค่อยเชื่อ เพราะบางคนอาจจะยังไม่คิดถึงใจของคนเป็นพ่อเป็นแม่ ในทางกลับกัน เมื่อวันนึงเราได้เป็นพ่อคนแม่คน สิ่งเหล่านี้ อาจจะคิดได้เอง โดยไม่ต้องมีใครมาบอกเลยก็ได้

ผมไม่ได้ตั้งใจให้คิดว่า ต้องมีครอบครัวแล้วจะเลิกบุหรี่ได้เองนะครับ อันนี้เป็นอีกแนวทางหนึ่ง ซึ่งผู้ที่จะเลิกบุหรี่จริงๆ ใช้ความรักที่เค้ามีให้กับลูกน้อย เป็นแรงผลักดันให้ตัวเองเลิกบุหรี่ได้ครับ

ขอให้สมหวังทุกท่านนะครับ

Comments