ต่อเนื่องกันไปครับจาก ภูกระดึง 2 คืน 3 วัน ตอนที่ 1 และ ภูกระดึง 2 คืน 3 วัน ตอนที่ 2 ก็จบกันไปแล้วในส่วนของรีวิวการเดินขึ้นภูกระดึง เหนื่อย เหนื่อย เหนื่อย แล้วก็เหนื่อยครับ มาถึงที่พักก็อาบน้ำกินข้าว นวดขา นวดน่องเพื่อผ่อนคลาย และกินยาคลายกล้ามเนื้อช่วยสักหน่อย แล้วก็เข้านอนกันตั้งแต่ 2 ทุ่มกว่าๆ เลย
มาถึงเชื่อวันที่ 2 เป็นวันที่เราจะออกเที่ยวไปตามจุดต่างๆ ของภูกระดึงครับ หลังจากตื่นกันประมาณ 7 โมงกว่าๆ อดไปถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น เพราะยังระบมไปทั้งตัวอยู่ ก็ทำธุระส่วนตัวกันเสร็จแล้วไปยังร้านค้า เพราะกินข้าวเช้ากันครับ แนะนำปาท่องโก๋ครับ อร่อยมาก 555+ หรือเพราะหิวไม่รู้นะ ของกินที่นี่ ราคาจะสูงมาก ควรนำเงินมาเยอะหน่อยครับ
กวางเจ้าที่ ระวังด้วยนะครับ หากเข้าไปใกล้ๆ มันจะเอาเขาขวิดเรา ควรจะถ่ายรูปในระยะห่างจากเขาของมันครับ
หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จก็มาจัดของในเต๊นท์เพื่อเตรียมตัวออกเดินทาง
พร้อมแล้วสำหรับการเดินทาง เริ่ม Start กันที่ป้ายนี้ครับ มันจะอยู่ด้านหลังบ้านพักอุทยาน หรือหลังเยื้องๆกะห้องน้ำครับ
เนื่องจากผมอยากเดิน แต่อีก 3 คนไม่เห็นด้วย เราจึงเช่าจักรยานขี่กันคนละคัน คันละ 360 บาท ทั้งวันครับ
- ข้อดีคือ ได้เที่ยวหลายที่ และประหยัดแรง ประหยัดเวลาในการเดินทาง
- ข้อเสียคือ ไม่ได้บรรยากาศของการเดินทางบนภูกระดึงที่แท้จริง และค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมครับ
- ข้อแนะนำคือ ไม่ควรปั่นจักรยานขึ้นเนิน ควรลงแล้วเดินเข็นเอาจะดีกว่า ไม่งั้นจะเหนื่อยมาก กลางคืนจะเจ็บน่องครับ
ขาไป ผมจะใช้เส้นทางตามแผนที่นี้ครับ เริ่มจาก ศูนย์บริการวังกวาง -> ลานพระพุทธเมตตา -> น้ำตกถ้ำใหญ่ -> สระอโนดาด -> ผานาน้อย -> ผาเหยียบเมฆ -> ผาแดง -> ผาหล่มสัก ครับ
โดยเราจะเริ่มจากลานพระพุทธเมตตาก่อนเลย
กราบไหว้เพื่อเป็นสิริมงคลในการเดินทาง เสร็จกิจ ก็ถ่ายภาพหมู่กันหน่อย
จากนั้นก็มายังน้ำตกถ้ำใหญ่ครับ มาเก็บใบเมเปิ้ล และหยุดพักนั่งถ่ายรูปเล่นกัน จุดนี้ มีเจ้าหน้าที่ดูแลจักรยานให้ด้วย
มาถึงภูกระดึง คือต้องถ่ายใบเมเปิ้ล เค้าว่ากันมาอย่างงี้อ่ะ แต่ภาพแผนที่ของภูกระดึง ก็เป็นรูปในเมเปิ้ลนะเออ ช่างบังเอิญจริงๆ
ดูป้ายกัน ว่าจะเอางัยต่อ
เดินทางมุ่งหน้าสู่สระอโนดาด ร้อนมาก ต้องขี่จักรยานผ่านทุ่งหญ้าอันว่างเปล่าและกว้างมากๆ
ถึงแล้วครับ เราต้องเดินเท้าไปต่ออีกประมาณ 200 เมตร โดยจอดจักรยานทิ้งไว้ มีเจ้าหน้าที่ดูแลให้ครับ
ร้อนมาก ไม่ได้ถ่ายไรมาเยอะ 55+ อารมณ์เริ่มหงุดหงิดเพราะความร้อน
จากนั้นก็เดินทางมุ่งหน้าสู่ผานาน้อยครับ ผมเลือกเส้นทางหน้าผา เพราะอยากดูวิวเวลากลางวัน และทางเส้นน้ำตก เจ้าหน้าที่บอกอาจจะมีช้างป่ามาอาละวาดครับ
ปั่นมาผานาน้อย 2 กิโลกว่า พักสักหน่อย
ก่อนถึง ถ่ายสักรูป ตลอดเส้นทางมีนักท่องเที่ยวท่านอื่นพักตามทาง บางรายก็มาเป็นคู่จู๋จี๋กัน น่าอจฉา
และแล้วก็มาถึงผานาน้อย ที่นั่นมีร้านค้า เป็นร้านลุงผู้รอบรู้ แม่ค้าเรียกกันอย่างนั้น แต่ก็จริงครับ ลุงแกรู้ทุกเรื่องจริงๆ แม้ว่ามันจะโอเวอร์ไปหน่อย 555+
พักกินข้าวเที่ยงกันพอดี แต่ตอนนั้นก็บ่าย 2 โมงกว่าๆ แล้ว เติมพลังกันให้อิ่มก่อนออกเดินทาง
ฝั่งตรงข้ามร้านค้า เดินข้ามมาถ่ายรูปวิวและป้ายผานาน้อยได้ครับ
ที่ผานี้ วิวสวยใช่เล่น
แวะคุยกะลุงก่อนออกเดินทาง ไปยังผาเหยี่ยบเมฆครับ
มานั่งพักกันริมหน้าผา เย็นสบายสักหน่อย
แล้วก็ปั่นต่อมายังผาแดง ใกล้ๆกัน
เหมือนฝนจะตก แต่ก็ไม่ตกครับ
ถึงแล้วครับ ผาหล่มสัก เป้าหมายสุดท้ายของวันนี้ ถึงประมาณ 5 โมงพอดี มีคนมาถึงก่อนเพียบเลย จุดถ่ายวิวแบบคลาสิคๆ ก็โดนจองไปหมด เลยต้องมานั่งรอตรงนี้
นั่งห้อยขานี่เสียวเหมือนกันนะ แต่จุดนี้ มันมีหินด้านล่างอีกชั้นหนึ่งรอรับอยู่ครับ จุดอื่นไม่ควรทำแบบนี้นะ
มุมมหาชนครับ เสียวมาก…….
พระอาทิตย์เริ่มตกแล้ว
ลืมถ่ายป้าย แสงเกือบหมด ถ่ายเกือบไม่ทัน 55+
พวกเราอยู่ที่ผาหล่มสักจนประมาณ 1 ทุ่มครับ ต้องกลับเพราะขบวนจักรยานเค้ารออยู่ ใครที่เช่าจักรยานมา ต้องกลับพร้อมขบวนครับ เค้าไม่ให้กลับเอง เพราะอันตรายมาก หากปั่นเองตอนกลางคืน มันจะมืดมาก แต่ถ้าใครเดิน ก็แล้วแต่เลย จะกลับกี่โมงก็ได้
ใช้จักรยานจะถึงที่พักประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง แต่ถ้าหากเดิน จะถึงที่พักประมาณ 4 ทุ่มครับ ร้านค้าจะปิด 4 ทุ่ม 555+ ก็ต้องเลือกเอาล่ะนะ แต่ถ้าสนิทกะแม่ค้า ก็อีกเรื่องนึง อาจจะโทรสั่งข้าวไว้ก่อนก็ได้ครับ ที่นี่ไม่มีสุราและเบียร์ขาย เพราะปีก่อน มีตีกัน ทางอุทยานเลยห้ามขายครับ แต่พวกเราตีสนิทกับแม่ค้า ขอซื้อเบียร์กระป๋องกิน กระป๋องละ 60 บาทครับ พอๆกะไปกินร้านในผับนั่นแหละ
จบทริปสำหรับวันที่ 2 ครับ เที่ยวทั้งวัน เหนื่อยและเพลียมากๆ กลับมาถึงก็ซัดหมูกะทะกันชุดใหญ่ แล้วเข้านอนประมาณ 5 ทุ่มครับ วันต่อไป จะพาไปเที่ยวผานกแอ่น เพื่อรอดูพระอาทิตย์ขึ้นครับผม
อ่านตอนต่อไปได้เลย >>
Comments